Baahubali 2 (2017) The Conclusion ตำนานบาฮูบาลี 2
ดูหนัง โอ้ยยยยยยยย คอแห้งผากๆๆๆๆๆ ตอนดูอี Bahubali2 หนังแม่งแบบว่ามันส์สุดตีน จนต้องอุทานว่า อีดอกกกกกกกกกกกกกก ในใจมากกว่าสิบรอบ คือจะเอาอะไรล่ะ ฉากบู๊ที่เวินเวอร์ เว่อวัง อลังการณ์ ความอลังการณ์ ฉากสวยๆ
คอมโพสดีดี องค์ประกอบศิลป์ที่สวยแบบแขกๆ แบบลิเกเว่อวัง มันจัดเอามายัดใส่ลงมาในหนังเรื่องนี้หมด แล้วมันไม่ได้แบบว่าเป็นหนังแขกเชยๆเลย งาน CG แม่งดีสัส คือเอาจริงๆ CG นี่ดีกว่าหนังฮอลลีวู้ดบางเรื่องเสียอีก
คือแม่งมีหมด ตัวละครต่อสู้กัน จับโยนกระแทกเสาจนวังพังนี่หาไม่ได้แล้วภายใต้เงื่อนไขที่ว่า พวกนางคือคนธรรมดาไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ แล้วนักแสดงที่แบบว่าหุ่นล่ำ งานดี แบบมองแค่หุ่นก็โคตรฟินแล้ว หนังระห่ำ จัดหนัก จัดเต็มชนิดที่ว่า
ไม่มีเวลาให้คนดูได้หายใจหายคอตลอดระยะเวลาหนังที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมง 17 นาที หนังยาวจนลืมเยี่ยม ช่วงพักครึ่งยังแบบว่าโอ้ยยย รีบเยี่ยว รีบกลับมาดู กลัวดูไม่ทัน หนังเร้าให้คนดูอยากติดตามตลอดเวลาแบบไม่อยากหยุดพัก ยาวแค่ไหนก็ยอมนั่งดูจนจบ คนแขกนั่งดูในโรงเกือบ 90% ของที่นั่ง คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก เพราะหนังมันฉายพร้อมๆกับที่อินเดียเลย
Baahubali 2: The Conclusion เป็นเรื่องราวที่เกิดก่อนภาคแรก พระเจ้าอยู่หัวบาฮูบาลี เป็นกษัตริย์ที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจโดยการแต่งตั้งของ มหาราชินีศิวากามี โดยตั้งขึ้นมาข้ามหัวภัลลาเทวะผู้พี่ ส่งผลให้ผู้พี่มีความอิจฉาริษยาน้องชายมาก ต่อมาบาฮูบาลีได้ปลอมตัวออกไปเที่ยวนอกวังแล้วไปตกหลุมรักเดวาเซน่า เจ้าหญิงเมืองประเทศราชเล็กๆ แต่เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี พี่ชายของบาฮูบาลีทราบเรื่องเลยไปทูลขอให้ราชินีศิวากามีแต่งจดหมายไปสู่ขอเดวาเซน่ามาเป็นภรรยาของตัวเอง แต่ด้วยเนื้อความที่เขียนไปว่าขอให้ลูกชาย บาฮูบาลีกับเดวาเซน่าเลยเข้าใจผิดคิดว่าพระราชินีศิวากามีต้องการให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่พอไปถึงเข้าจริงๆเลยพบว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด บาฮูบาลีเลยจำต้องยกบัลลังก์ให้พี่ชายตัวเอง เพื่อให้ตัวเองได้แต่งงานกับเดวาเซน่า แล้วบาฮูบาลีก็ลดตำแหน่งตัวเองเป็นแม่ทัพ แต่ประชาชนทั้งแผ่นดินกลับจงรักภักดีต่อบาฮูบาลีมากกว่า โดยในวันพิธียรมราชิภิเษก ไพร่ฟ้าหน้าใส และกองทัพช้างศึกแห่งแผ่นดินอินเดียต่างกู่ร้องกระทืบเท้าเอ่ยนามบาฮูบาลี จนแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปจนฉัตรที่ประดับเหนือบัลลังก์ของภัลลาเทวะหักลงมา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเอง กษัตริย์ผู้พี่ก็รู้สึกอิจฉาบาฮูบาลีเป็นอย่างมาก จนต้องหาทางกำจัดบาฮูบาลีออกไปให้พ้นแผ่นดิน เรื่องราวบานปลายจนกลายเป็นศึกชิงบัลลังก์ถึงสมัยบาฮูบาลีคนลูก ที่กลายมาเป็นบาฮูบาลีภาคแรก ดังนั้นใครที่ลังเลว่าจะดูภาคสองดีไหมพูดเลย ไม่ต้องคิดเยอะ ไปดูได้เลย รับรองว่าดูรู้เรื่อง ดูจบแล้วกลับมาดูภาคแรก เพราะภาคแรกเดินเรื่องต่อจากภาคสอง ดูหนังออนไลน์
ความเป็นหนังอินเดียที่มาพร้อมกับความเวินเวอร์ และความยาวกว่าสามชั่วโมงนี่คือ โคตรสุด ส่วนหนึ่งที่หนังยาวน่าจะมาจากบรรดาฉากแอ๊คชั่นที่สโลว์โมชั่นแล้วโลว์กันแบบสโลว์แล้วสโลว์อีก รวมไปถึงการพยายามโคลสอัพหน้านักแสดง ยิ่งเวลาตกใจก็จะโคลสไปที่หน้า โดยเฉพาะอีพระพันปีศิวากามี คือนางเป็นอินเดียที่ตัวอ้วนปุ๊กแล้วตาโตมากกกกกก ยิ่งเวลาตกใจก็ถลนตาเข้าไปอีก คือสำคว่าตาโตเท่าไข่ห่านมันก็น่าจะมาจากตาคนอินเดียนี่แหละ ตาแม่งโตมากกกกก แล้วความเว่อวังอลังการณ์ของฉากแอ๊คชั่นนี่พูดเลย อะเวนเจอร์มาก็สู้ไม่ได้ มารืเวลขนมาก็แพ้ ไมเคิลเบย์มาดูงานก็ยังต้องกราบตีนร้องขอชีวิต คือในเรื่องเนี่ย ตัวนักแสดง นักรับในเรื่องขอย้ำว่าคือคนธรรมดา แต่เวลาแม่งสู้กันทีคือมาหมดเลย พละกำลังมาจากไหนก็ไม่รู้ ร่างกายแม่งแกร่งยังกะแรด พละกำลังยังกะช้างสิบตัวรวมกัน ยกคนๆเดียวทุ่มใส่คนอีกยี่สิบคนล้มกระจายตายหมด แล้วเวลาทุ่มคู่ต่อสู้มึงทุ่มไปโดนเสาวัง วังพัง หุ่นอนุสาวรีย์พังพินาศฉิบหายหมด ยิงธนูคราวละสามดอก ไม่พลาดเป้าเลย เหวี่ยงตุ้มเหล็กทีคนล้มหายตายจากคราวละเป็นสิบ นี่ยังไม่นับรถศึกที่มาพร้อมกับกงจักร ใครขวางก็โดนตัดลำตัวขาดเป็นท่อนๆ โอ้ยยยยย พีคสัส คือถ้าไม่ปรับโหมดจะมองว่าอีดอกเวอร์ฉิบหาย แต่พอปรับได้ เออๆ เอาที่มึงสบายใจ ดูหนังฟรี
งานคอนเซปอาร์ทสวยงามอลังการณ์ ฉากเรือใบนี่คือสวยยังกะยกไททานิคห้าสิบลำมารวมกัน มันไม่ได้แล่นในน้ำอย่างเดียวนะ อีดอก แล่นไปแล่นมากางปีก ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ด้วย แล้วเพลงในหนังก็เพราะมากกกก พระเอกไม่สบาย อีนางเอกไปเปลี่ยนชุดร้องเพลงกล่อม กล่อมจบกลับมาเปลี่ยนชุดเดิม คือนั่นแหละ หนังอินเดียก็คือหนังอินเดีย เพลงต้องมา โคโรกราฟต้องเป้ะ พร้อพต้องแน่น เสื้อผ้าหน้าผมต้องจัดเต็ม เว็บดูหนัง
เวอร์จนอยากจะบอกว่า ดูจบออกมาแล้ว ภาพทุกภาพทุกเฟรม โคตรติดตา อยากกลับไปดูซ้ำอีก เพราะมันสวย มันอลังการณ์ คุ้มค่าราคาตั๋ว แต่ที่น่าเศร้าสุดๆคือมันฉายแค่สองโรงคือ เมเจอร์สุขุมวิท กับ เมเจอร์พระรามสาม รอบที่ไปดูคนอินเดียแน่นไปจนเบาะหน้า ย้ำว่า 90% ของ โรงเป็นคนอินเดีย ค่าตั๋ว 350 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มจนอยากตีตั๋วไปดูอีกสองสามรอบ สะใจมากเอาไปเลย 8/10 ไปหาโอกาสดู เปิดโลกนะ
เพราะ มาภาคนี้หนังดำเนินเรื่องง่ายๆ โดยต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว เล่าถึงช่วงเวลาหลังจาก การรบระหว่างเมือง มหิธมาตี กับกลุ่มคนอีกเมืองที่มารุกราน(หน้าตาแบบพวกอุรุกไฮ) ราชินีศิวากามี ทำพิธีกรรมซึ่งต้องเทินถ่านที่ติดไฟไว้บนศีรษะแล้วเดินเขาสู่พิธี เพื่อทำลายหุ่นอสูรร่างยักษ์ หากทำสำเร็จจะทำนายได้ว่าพระนางจะทำกิจสิ่งใดก็จะสำเร็จลุล่วง ระหว่างนั้นมีช้างเชือกนึงเกิดหลุดออกมาขวางทาง เจ้าชายบาฮูบาลีจึงขับเกวียนบรรทุกองค์พระพิฆเณศเข้ามาชนช้างนั้นให้พ้นทาง ทำให้พระนางเดินต่อไปได้ และช้างเชือกนั้นก็ยอมสยบต่อบาฮูบาลี (ฉากเปิดนี่สวยงาม อบอุ่นและยิ่งใหญ่ ชอบๆ👍👍👍)
หลังจากนั้นหนังก็เล่าเรื่องการพบรักของบาฮูบาลีกับนางเทวาเสนา และการพยายามจะเป็นกษัตริย์ของบัลลาพี่ชายของบาฮูบาลี
การดำเนินเรื่องหรือบทหนัง มีความขาดๆ เกินๆ อยู่หลายจุด เช่นว่าอยู่ดีๆ ก็มีพวกไหนไม่รู้มาบุกเมืองของเทวาเสนา (เดาว่าเป็นทหารมหิธมาตีนั่นแหละ แต่จังหวะการมาถึงรวดเร็วเกินไป) แล้วเมืองของเทวาเสนาก็ไม่มีทหารเฝ้าเมืองเลย (ซะงั้นอ่ะ) ทำให้บาฮูบาลีต้องเปิดเผยตัวตน หรือ ช่วงท้าย คัปตาปา บอกศิวะให้คิดอย่างบาฮูบาลี เอาจริงๆ คือพ่อลูกไม่เคยเจอกันเลย จะให้คิดเหมือนกันคือยังไง? แล้วพอบอกแค่นี้ก็คิดออกเฉยเลย 😰😰😰
การเฉลี่ยบทไม่ค่อยดีเท่าที่ควร นางเอกภาคที่แล้วไม่มีบทพูดเลย อาจจะผิดที่หนังถ่ายทำที่ละภาคแล้วภาคนี้ก็เทบทไปที่รุ่นพ่อจนหมด
หนังยังคงทำได้ดีในเรื่องของภาพมุมกล้อง และสัญลักษณ์ทางศาสนา ที่สงเสริมความมีบุญบารมีและเมตตาของบาฮูบาลี มีความขัดแย้งระหว่างคำมั่นสัญญากับความภักดี หน้าที่และหัวใจ แต่ไม่ว่าบาฮูบาลีจะตัดสินใจอย่างไรก็ยังคงคิดถึงแม่และประชาชนอยู่เสมอ
ในช่วงท้ายนางเทวาเสนาได้ทำพิธีกรรมเช่นเดียวกับนางศิวากามีตอนต้นเรื่อง แต่เป็นการกระทำระหว่างรบจริงๆ ถือว่าเปรียบเปรยได้ดีพอสมควร
ในส่วนกราฟฟิก ฉากวังหรือการรบในมุมกว้างยังคงถูกนำมาใช้เช่นเคย มีความเว่อวังอลังการ ซีจีในฉากต่อสู้ถูกนำมาใช้เยอะมากส่วนตัวคิดว่ามากเกินไป (นึกถึงหนังจีนยุคนึงที่มีแต่ซีจี)
ฉากแอคชั่น มีเยอะมากกว่าภาคที่แล้ว ในช่วงแรกการต่อสู้ที่เมืองของเทวาเสนา มีมุกเล็กๆในการสอนยิงธนูระหว่างต่อสู้ เป็นจังหวะที่สวยงาม ไคลแมกซ์ในช่วงท้ายเรื่องรู้สึกกร่อยๆ พยายามมีมุกแต่มันไม่ว้าวแบบในภาคแรก (ส่วนตัวมองว่าหนังน่าจะสร้างความต่างระหว่างบาฮูบาลีกับศิวะบ้าง ในการต่อสู้ที่ท้ายเรื่องควรใช้ชั้นเชิงหรือรบแบบกองโจร มากกว่าการกำลังหรือรบแบบทหาร )
เป็นอินเดีย 2017มหากาพย์ ภาพยนตร์แอ็คชั่นกำกับการแสดงโดยเอสเอส Rajamouliผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้กับ KV Vijayendra ปรา มันถูกผลิตโดยโชโบุยาร์ลากดดาและพราซาดเดวเนนีภายใต้ร่มธง Arka มีเดียโรงงาน สร้างพร้อมกันในภาษาเตลูกูและทมิฬภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบด้วยนักแสดงทั้ง Prabhas , Rana Daggubati , Anushka Shetty , Tamannaah , Ramya Krishna , Sathyaraj , Nassar, และซับบาราจุ . ส่วนภาพยนตร์ที่สองในBaahubaliแฟรนไชส์ก็เป็นติดตามเพื่อBaahubali: จุดเริ่มต้นที่ทำหน้าที่เป็นทั้งผลสืบเนื่องและprequel [6]ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งขึ้นในยุคกลางของอินเดียและติดตามการแข่งขันระหว่างพี่น้อง Amarendra BaahubaliและBhallaladeva ; Conspires หลังกับอดีตเขาและได้ฆ่าโดยKattappa หลายปีต่อมา ลูกชายของ Amarendra กลับมาเพื่อล้างแค้นให้กับการตายของเขา
ผลิตด้วยงบประมาณประมาณ 2.5 พันล้านเยนโดยเริ่มผลิตเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ที่Ramoji Film City เมืองไฮเดอราบาด ภาพยนตร์ทำโดยKK ธิลมาร์และได้รับการแก้ไขโดยKotagiri วาระราว การออกแบบการผลิตที่ได้กระทำโดยSabu ไซริลในขณะที่ลำดับการกระทำที่ถูกออกแบบโดยปีเตอร์เฮน วิชวลเอฟเฟกต์ได้รับการออกแบบโดย RC Kamalakannan ด้วยความช่วยเหลือจาก Adel Adili และ Pete Draper เพลงประกอบและเพลงประกอบโดยเอ็มเอ็ม กีรวานี สรุปได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2017 และต่อมาพากย์ภาษาฮินดี , มาลายาลัม , ญี่ปุ่น , รัสเซียและจีน The Conclusionเปิดตัวในรูปแบบ 2D และ IMAX ทั่วไปเป็นภาพยนตร์ภาษาเตลูกูเรื่องแรกที่เปิดตัวในรูปแบบ 4K High Definition
The Conclusionทำรายได้ทั่วโลก1,796.56 สิบล้านรูปีโดยแซงหน้าPK (2014) และกลายเป็นภาพยนตร์อินเดียที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลโดยสังเขปโดยรวบรวมเงินได้ประมาณ8 พันล้านเยนจากทั่วโลกภายในเวลาเพียงหกวันหลังจากเข้าฉาย กลายเป็นภาพยนตร์อินเดียเรื่องแรกที่ทำเงินได้กว่า10,000 ล้านเยนโดยทำได้ภายในเวลาเพียงสิบวัน ภายในอินเดีย มีการสร้างสถิติภาพยนตร์มากมาย กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในภาษาฮินดี เช่นเดียวกับในภาษาเตลูกูและภาษาทมิฬดั้งเดิม มันยืนเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศอินเดีย , สองทำรายได้สูงสุดทั่วโลกภาพยนตร์อินเดียและ39 ภาพยนตร์เรื่อง 2017 ภาพยนตร์เรื่องนี้ขาย ตั๋วได้ประมาณ 100 ล้านใบ (รวมทุกภาษา) ระหว่างที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ ซึ่งสูงที่สุดสำหรับภาพยนตร์ทุกเรื่องในอินเดียนับตั้งแต่Sholay (1975) เว็บดูหนังฟรี